3.Koenigsegg CCX


 Koenigsegg Automotive AB บริษัทผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ประสิทธิภาพสูงสัญชาติสวีเดน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Angelholm ก่อตั้งขึ้นในปี 1994 โดย Christian von Koenigsegg ที่เป็นทั้งผู้ก่อตั้งบริษัท และดำรงตำแหน่ง CEO และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจากหุ้นส่วนทั้งหมด 90 หุ้น
      ผู้ก่อตั้งบริษัท Christian von Koenigsegg เกิดในตระกูลเก่าแก่ของประเทศเยอรมัน ในวัยเด็กเขามีความคิดที่อยากจะผลิตรถเป็นของตัวเองหลังจากที่ได้ดูภาพยนตร์อนิเมชั่นของประเทศนอร์เวย์เรื่อง Pinchcliffe Grand Prix และเมื่อมีอายุได้ 22 ปี เขาได้เข้าสู่แวดวงธุรกิจระดับโลกด้วยการร่วมลงทุนกับบริษัท Alpraaz บริษัทส่งออกอาหารจากทวีปยุโรปไปยังประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งความสำเร็จของการลงทุนครั้งนี้ทำให้ Christian von Koenigsegg ได้รับเครดิตที่ดีทางด้านการเงินและได้รับการอนุมัติให้เป็นเจ้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ 

       โลโก้ของ Koenigsegg ได้รับการออกแบบโดย Jacob Laftman ในปี 1994 โดยอาศัยสัญลักษณ์ของตราประจำตระกูล Koenigsegg เป็นรูปโล่ห์ประทับอยู่บนแขนเสื้อของอัศวิน ซึ่งสมาชิกคนหนึ่งในตระกูลของเขาได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นอัศวินในช่วงยุคจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 

        จากนั้น Koenigsegg เริ่มออกแบบรถคันแรกของเขาโดยให้ชื่อรุ่นว่า Koenigsegg CC เขาได้ร่างภาพสเก็ตส่งไปยังดีไซน์เนอร์ David Crafoord เพื่อสั่งทำรถโมเดลจากภาพในอัตราส่วน 1:5 จากนั้นได้นำโมเดลรถมาเป็นแม่แบบเพื่อผลิตรถต้นแบบจนเสร็จสมบูรณ์และนำไปทดลองขับ จนกระทั่งในปี 1996 Koenigsegg CC ได้เปิดตัวสู่สาธารณะชนครั้งแรกด้วยรูปแบบของซูเปอร์คาร์ที่ใช้คาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน 

        ในช่วงแรกของการก่อตั้งปี 1997 Koenigsegg Automotive ได้ตั้งโรงงานหลักอยู่ที่เมือง Olofstrom จากนั้นได้ขยายขนาดอุตสาหกรรมและย้ายไปอยู่ที่เขต Margretetorp นอกเมือง ?ngelholm แต่ต่อมาโรงงานผลิตส่วนหนึ่งได้ถูกไฟไหม้และได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก Koenigsegg จึงต้องซื้อโรงเก็บเครื่องบินรบขนาดใหญ่จำนวน 2 โรงที่อยู่ระแวกเดียวกับสนามบิน ?ngelholm มาเป็นสำนักงานและโรงงานผลิตรถยนต์ ซึ่งลูกค้าสามารถเดินทางมาได้โดยเครื่องบินส่วนตัวเพราะมีลานจอดเครื่องบินรองรับอยู่ด้านข้างของโรงงาน และนอกจากนั้น Koenigsegg ยังใช้สนามบินเก่าในการทดสอบสมรรถนะของรถและเครื่องยนต์ที่ต้องใช้ความเร็วสูงอีกด้วย 

        จากนั้นมารถต้นแบบจำนวนหลายคันก็ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างเช่น รุ่น Koenigsegg CC 8S สีแดง โดยมีลูกค้าขอซื้อเป็นคนแรกในงาน Geneva Auto Show ปี 2002 และตามมาด้วยการเปิดตัว Koenigsegg CCR ในงาน Geneva Auto Show 2004 ซึ่งผลิตเพียงแค่ 20 คันเท่านั้น 

        ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2005 เวลา 12.08 น. ตามเวลาท้องถิ่น Koenigsegg CCR ได้ทำลายสถิติของกินเนสส์บุ๊คว่าเป็นรถที่อยู่ในสายการผลิตที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็ว 388.87 km/h ณ สนามทดสอบรถ Nard? Ring ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นการทำลายสถิติของแชมป์เก่าอย่าง McLaren F1 แต่หลังจากนั้นมา Koenigsegg CCR ได้ถูกโค่นตำแหน่งด้วย Bugatti Veyron ซูเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดในโลกที่บันทึกไว้ตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปัจจุบัน ด้วยสถิติ 407.5 km/h ที่ร่วมกันบันทึกในครั้งนี้โดยแมกกาซีน Car and Driver และ BBC Top Gear 

        ในปี 2006 ได้เปิดตัว Koenigsegg CCX รถรุ่นใหม่ที่ตอบสนองการใช้งานบนท้องถนนได้ทั่วโลก ซึ่งรถของ Koenigsegg จะต้องผ่านการพัฒนาอย่างเข้มงวดเพื่อให้ได้มาตรฐานตามกฎหมาย ทั้งในเรื่องของความปลอดภัยและการปล่อยมลพิษที่หน่วยงานต่างๆ ทั่วโลกเรียกร้อง ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องให้เป็นแบรนด์ของตนเอง และยังเป็นซูเปอร์คาร์ที่ผ่านการทดสอบในเรื่องของมลภาวะทางเสียงที่ส่งผลกระทบต่อคนเดินเท้าในยุโรป 

        ในปี 2009 Koenigsegg ได้เผยข้อมูลรถที่ผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษนั่นคือ Koenigsegg Trevita หรือ Three whites ในภาษาอังกฤษ ซึ่งผลิตออกมาเพียงแค่ 3 คันเท่านั้น รุ่นนี้อาศัยโครงสร้างของรุ่น CCXR ขุมพลัง 1,018 แรงม้า และใช้พลังงานชีวภาพ และที่พิเศษสุดนั่นคือบอดี้ของรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เคลือบเพชรซึ่งถือเป็นกรรมสิทธิ์ของ Koenigsegg แต่เพียงผู้เดียว 

        จากนั้นในปี 2010 Koenigsegg ได้เผยข้อมูลของ Koenigsegg Agera รถรุ่นใหม่ที่พกพาเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 5.0 ลิตร ขุมพลัง 910 แรงม้า ด้วยการออกแบบที่สืบเชื้อสายจากรุ่นก่อนหน้านี้ แต่มีลูกเล่นใหม่ๆ เพิ่มเติมเช่น การปรับด้านหน้ารถให้กว้างขึ้น การออกแบบภายในที่ทันสมัยมากขึ้น และไฟหน้าที่เป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ที่เรียกว่า Ghost Light เปิดตัวในงาน Geneva Motor 2010 และทำการผลิตภายในปีเดียวกัน 

        นอกจากการพัฒนา ผลิตและขายซูเปอร์คาร์แล้ว Koenigsegg ยังคิดค้นและพัฒนาโปรแกรม Green technology และผลิตซูเปอร์คาร์ที่ใช้เชื้อเพลิงยืดหยุ่น (flexfuel) แบบเดียวกับที่ใช้กับ Koenigsegg CCXR และยังพัฒนาโปรแกรม plug-in เพื่อใช้กับรถระบบพลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปรุ่นใหม่ 

        ซูเปอร์คาร์ Koenigsegg ได้รับรางวัลการันตีมากมายอย่าง เช่น ในปี 2009 Koenigsegg CCXR ได้ถูกรับเลือกโดยสื่อและสิ่งพิมพ์ใหญ่อย่าง Forbes ให้เป็นหนึ่งในสิบของรถที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ ต่อมาในเดือนธันวาคม 2010 Koenigsegg Agera ได้รับรางวัลชนะเลิศอันทรงเกียรติของ BBC Top Gear Award 2010 ในตำแหน่ง Hypercar of the Year ที่เบียดคู่แข่งอย่าง Bugatti Veyron Super Sport รางวัลด้านการออกแบบจาก Red dot design award ในฐานะรถที่มีการออกแบบเป็นเลิศ และรางวัลด้านการทำสถิติด้านความเร็วอีกมากมาย เช่นรายการของ Top Gear และ Nurburgring เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น